หมอเตือนนักกีฬา โลกร้อนระวังวูบ! อาจตายไม่รู้ตัว

 

 


         

        หมอเตือนภาวะโลกร้อน นักกีฬาลงแข่งขัน - ฝึกซ้อมกลางแดดมีสิทธิตายได้ โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคหัวใจ พร้อมแนะนำเพื่อความไม่ประมาทควรตรวจสุขภาพประจำปี และก่อนลงเล่นกีฬาควรดื่มน้ำสักครึ่งลิตร เผยสัญญาณอันตรายฉี่สีเหลืองต้องระวังเพราะร่างกายอยู่ในสภาพขาดน้ำแล้ว
ในสภาวะโลกกำลังประสบปัญหาโลกร้อน รวมทั้งประเทศไทยที่อากาศช่วงกลางวันร้อนอบอ้าว บางพื้นที่อุณหภูมิถึง ๔๐ กว่าองศาเซลเซียส ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงสุขภาพของนักกีฬาที่ต้องเล่นกีฬากลางแจ้งและในร่มที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ อาจช็อกหมดสติได้ จากประเด็นดังกล่าว "คุณหมอกีฬา" นายแพทย์ไพศาล จันทรพิทักษ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ และประธานฝ่ายแพทย์สมาคมฟุตบอลกล่าวว่า อากาศร้อน ส่งผลกระทบต่อนักกีฬาที่ต้องฝึกซ้อมหรือแข่งขันกีฬากลางแจ้งโดยตรง
            อยากเตือนนักกีฬาทุกคน อย่ามองข้ามความปลอดภัย ที่สำคัญต้องตรวจเช็คสุขภาพตัวเองด้วยว่า มีโรคประจำตัวที่ส่งผลกระทบต่อการเล่นกีฬาหรือไม่ เช่น หวัดแดด หรือโรคหัวใจ ซึ่งหลักการเบื้องต้นต้องพักผ่อนให้เพียงพอ และต้องดื่มน้ำประมาณครึ่งลิตรก่อนลงแข่งขัน หรือฝึกซ้อมประมาณ ๑ - ๒ ชั่วโมง เพราะร่างกายคนเราจะขาดน้ำไม่ได้ หากขาดน้ำเซลล์จะทำงานผิดปกติ ส่งผลให้หมดสติ หรือเป็นลมแดดได้
           "การเล่นกีฬากลางแดด ร่างกายจะสูญเสียเหงื่อจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน การเล่นกีฬาในร่มที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศก็อันตรายเช่นเดียวกัน ซึ่งนอกจากนักกีฬาจะต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว ควรดื่มน้ำให้เพียงพอด้วย และขณะเล่นกีฬาควรจิบให้บ่อยขึ้น รวมทั้งสังเกตสีของน้ำปัสสาวะด้วย หากมีสีเหลืองเข้ม แสดงว่าร่างกายขาดน้ำ หากปัสสาวะสีใส บ่งชี้ว่าร่างกายปกติ ไม่ขาดน้ำ"
นอกจากนี้ ยังมีนักกีฬาไม่น้อยที่ไม่เคยเช็คสุขภาพ บางคนมั่นใจว่าตัวเองแข็งแรง ไม่เป็นโรคหัวใจแน่นอน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก คนที่บอกได้ว่าเป็นโรคหัวใจหรือไม่ คือ หมอที่ได้ตรวจเช็คสุขภาพแล้ว ดังนั้นนักกีฬาจะต้องเช็คประวัติของญาติด้วยว่า มีใครเป็นโรคหัวใจหรือไม่ เพราะโรคหัวใจเป็นกรรมพันธุ์ ส่วนคนปกติที่ไม่เป็นโรคหัวใจไม่น่าห่วงนัก แต่ก็ควรที่จะพักผ่อนให้เพียงพอ
            "การป้องกัน คือ ให้ดื่มน้ำมาก ๆ ก่อนลงไปเล่นกีฬา ในขณะที่การปฐมพยาบาลนั้น หากใครเป็นลมแดด หรือหมดสติขณะเล่นกีฬา ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด หรือหากจะปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทั้งการผายปอดและเป่าปาก ควรกระทำโดยคนที่ผ่านการฝึกอบรมด้านนี้มาแล้ว แต่เพื่อเป็นการป้องกันไว้ดีกว่าแก้ อยากจะเสนอให้ทุกสมาคมกีฬา หรือทีมกีฬาต่าง ๆ นำนักกีฬาไปตรวจเช็คสุขภาพประจำปีด้วย"

 

ที่มา : www.thaihealth.or.th