หมอเตือนคอส้มตำ กินมากเป็นไมเกรน

 

 

         แพทย์เตือนผู้ที่ชอบดื่มเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ แอลกอฮอล์ และชอบรับประทานอาหารที่ใส่ผงชูรสโดยเฉพาะคอส้มตำ ระวังมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นไมเกรนสูง เนื่องจากมีสารกระตุ้นให้ปวดไมเกรน

          แนะหลีกเลี่ยงและให้ความสำคัญเรื่องอาหารการกินที่เหมาะสม โดยรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ และรับประทานยาแก้ปวดสำหรับไมเกรนโดยเฉพาะ

          ผู้สื่อข่าวรายงานผลการศึกษาของแพทย์ ระบุว่า อาการปวดศีรษะแบบไมเกรน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีอาการปวดศีรษะข้างเดียวนั้น ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่นอน แต่ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญ ได้แก่ ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง พันธุกรรม ภาวะทางอารมณ์ เช่น กังวล โกรธ ตื่นเต้น ตกใจ เครียด รวมถึงสิ่งแวดล้อมก็มีส่วนกระตุ้น เช่น อากาศร้อนจัดเย็นจัด การอยู่ท่ามกลางแสงแดดจ้า เป็นต้น

          นอกจากนี้ พฤติกรรมการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล ก็เป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญต่ออาการปวดศีรษะไมเกรน เช่น รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา การอดอาหาร และชอบรับประทานอาหารบางชนิดที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะไวน์แดง เบียร์ วิสกี้ แชมเปญ รวมถึงเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ อาหารที่ใส่ผงชูรส น้ำตาลเทียม และสารเจือปนอาหารอื่นๆ เช่น สารบอแร็กซ์ที่ใส่ในลูกชิ้น สารไนไตรท์ประเภทดินประสิว ที่ผสมในอาหารประเภทเนื้อแดดเดียว กุนเชียง แหนม แฮม ไส้กรอก เป็นต้น

          รายงานแพทย์ยังระบุอีกว่า ในผู้ที่เป็นไมเกรนอยู่แล้ว หากได้รับสิ่งกระตุ้นเข้าไปเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้มีอาการปวดไมเกรนได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ดังนั้น ผู้ป่วยไมเกรนจึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และอาหารกระตุ้นไมเกรน โดยเฉพาะไวน์แดง เนื่องจากในไวน์แดงมีสารไทรามีนและสารเฟลโวนอยด์ ซึ่งสารดังกล่าวช่วยกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้ง่าย

          นอกจากนี้ ผู้ที่ชอบซื้อส้มตำมารับประทานก็มีโอกาสเสี่ยงสูงเช่นกัน เพราะในส้มตำส่วนใหญ่มักจะมีผงชูรสเป็นส่วนประกอบใน X ส่วนที่สูง ดังนั้น ผู้ป่วยไมเกรนจึงควรระมัดระวัง สังเกตอาหารที่แพ้ และให้ความสำคัญเรื่องอาหารการกินที่เหมาะสม โดยรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อและตรงต่อเวลา ก็จะช่วยลดอาการไมเกรนลงได้

          ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ไมเกรนไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่โดยปกติแล้วอาการปวดไมเกรนจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น แต่ในรายที่มีอาการปวดมากและเป็นบ่อยครั้ง ควรรีบไปปรึกษาแพทย์และใช้ยาเพื่อป้องกันและรักษาอาการปวด เพื่อให้ความถี่และความรุนแรงของไมเกรนลดน้อยลงได้ โดยหากมีอาการปวดไมเกรนไม่รุนแรงหรือรุนแรงปานกลาง แนะนำให้รับประทานยาในกลุ่มแก้ปวดไมเกรน แต่หากมีอาการรุนแรงและมีอาเจียนร่วมด้วย อาจต้องใช้ยาต้านอาการอาเจียนร่วมด้วย และในกรณีผู้ป่วยที่มีอาการไมเกรนกำเริบบ่อยๆ แพทย์จะแนะนำให้รับประทานยาไมเกรนในกลุ่มป้องกันอาการปวดไมเกรน

          ซึ่งจะใช้เฉพาะกับผู้ป่วยไมเกรนที่มีอาการปวดศีรษะบ่อยๆ เท่านั้น เช่น เกือบทุกวัน หรือ เกือบทุกสัปดาห์ แต่ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยซื้อยากินเอง เพราะทำให้เกิดปัญหาการใช้ยาแก้ปวดแบบผิดๆ และเกิดปัญหาตามมา เพราะยาบางตัวมีฤทธิ์ข้างเคียงมาก ฉะนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาและความปลอดภัยของผู้ป่วย