|
วิธีรักษาโรคโกรธให้ลดลง ความโกรธเป็นอารมณ์อย่างหนึ่ง
มาจากแรงขับของความก้าวร้าวที่ไม่มีการพัฒนา ถ้ามีมากๆและเป็นนาๆ
น่าจะเข้าข่ายเป็นโรคโกรธได้ ความโกรธทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาได้มา
ความโกรธทำให้เกิดสารเคมีชนิดไม่ดีหลั่งออกมา เช่น พวก อะดรีนาลีน และ คอร์ติโซน
ทำให้หัวใจเต้นเร็วและแรง ความดันโลหิตขึ้นสูง เป็นโรคความดันโลหิตได้
ถ้าเป็นมากๆ จะทำให้เส้นเลือดแตกในสมอง เป็นอัมพาตได้
เป็นสาเหตุของหัวใจล้มเหลวอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้เครียด
ซึ่งจะทำให้ภูมิต้านทานในตัวต่ำลง เป็นสาเหตุอย่างหนึ่งของการเกิดมะเร็ง เวลาโกรธมักทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
ทำให้แก่เร็วได้อีก ก็ขอแนะนำวิธีบำบัดความโกรธ ดังนี้ 1.
ต้องเข้าใจถึงโทษของความโกรธ จะทำให้เกิดความกลัวอันตราย
ซึ่งจะเกิดการอยากเปลี่ยนแปลงนิสัยตัวเองตามมา 2. ให้หลีกหนี หรือ
เลี่ยงบรรยากาศของการโกรธ เช่นเวลาโกรธใครก็ให้เข้าห้องน้ำเสีย ล้างมือ
ล้างหน้า บ้วนปาก ให้นึกถึงความเย็นของน้ำ
ทำให้ความร้อนของจิตใจที่กำลังโกรธ ลดลง 3. ให้ชมตัวเองว่า “เก่งมาก-ดีมาก”
ที่รู้ว่ากำลังโกรธทำให้ใจเย็นลง
แล้วนึกถึงโทษของความโกรธ และ พยายามลดดีกรีความโกรธลง 4. ระบายแรงขับของความโกรธและก้าวร้าวลง
โดยออกกำลังยาก เล่นกีฬา มีงานอดิเรก ทำอะไรก็ได้ ที่จะไม่นึกถึงความโกรธ 5. ฝึกสติ ฝึกสมาธิ
แบบใดก็ได้ หวังให้มีสติง่ายขึ้นเวลาโกรธจะได้รู้ตัวและคว้าสติให้ได้
จะเกิดสติสัมปชัญญะ 6. หัดต่อรองกับความโกรธ
ทำให้โกรธน้อยลง และไม่นานนัก โดยนึกถึงภาวะ “อกเขา-อกเรา”
สิ่งที่เราโกรธเขาเป็นความปกติของมนุษย์ที่มีข้อบกพร่อง หรือคิดไม่เหมือนเรา 7.
มีพระอาจารย์ที่สอนวิปัสสนาท่านหนึ่งสอนไว้ว่า ให้นึกว่าความโกรธเหมือนอุจจาระ
ซึ่งทุกคนก็มี แต่ถ้าถ่ายออกมาไม่ถูกกาลเทศะก็น่าอาย ต้องถ่ายในส้วมและล้างเสีย 8. วิธีอื่นๆ ถ้าโกรธมากๆ
รุนแรง หรือมีระแวง อาจจะใช้ยา หรือทำช็อตไฟฟ้า ความโกรธเป็นกิเลสเหมือนอุจจาระ
ถ้าแสดงออกแบบไม่ยั้งก็เหม็นไปทั่วและเป็นโทษมาก
เหมือนเหตุการณ์ในสังคมทุกวันนี้ที่มีคนแสดงความโกรธได้มาก
เหมือนเป็นการจัดเทศกาลขว้างปาอุจจาระเข้าหากัน ไม่มีมารยาท ไม่อาย
ไม่มีความสำรวม ไม่เกรงกลัวโทษของความโกรธ
จึงเหม็นไปทั่วเมืองและน่ารังเกียจไปทั่วโลก นั่นเอง ที่มา หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายสัปดาห์ |