ตำหนิตัวเอง-รู้สึกผิดไม่มีเหตุผล
ระวังเสี่ยงเป็น “โรคซึมเศร้า”
ในช่วงชีวิตหนึ่งของคนเรา จะประกอบไปด้วยเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย
ทั้งดีและร้าย นำมาซึ่งความสุขหรือความทุกข์หมุนเวียนเปลี่ยนไป หากเมื่อคุณ "รู้สึกแย่"
เป็นช่วงเวลานานหลายๆ สัปดาห์ หรือรู้สึกมีปัญหายุ่งยากรุนแรงในการดำรงชีวิตแต่ละวันคุณอาจกำลังเผชิญกับโรคทางจิตที่พบได้บ่อยๆ
โรคหนึ่ง นั่นคือ โรคซึมเศร้า เรามักใช้คำว่า
"ซึมเศร้า" ในความหมายของอารมณ์เศร้า
ซึ่งแทบทุกคนจะต้องเคยประสบในบางช่วงชีวิต คนส่วนใหญ่จะรู้สึกเป็นทุกข์
เศร้าหมอง เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น เช่น การสูญเสียผู้เป็นที่รัก
การหย่าร้าง การตกงาน หรือความผิดหวังรุนแรง อารมณ์เศร้าหมองเหล่านี้พบได้บ่อย
และถือเป็นเรื่องปกติ หากเกิดขึ้นในระดับที่สมเหตุสมผล
และคงอยู่เพียงชั่วเวลาไม่นาน ทว่า
หากความรู้สึกโศกเศร้านั้นทวีความรุนแรงขึ้น และคงอยู่เป็นระยะเวลานานหลายๆ
สัปดาห์ ความสนใจต่อการดำรงชีวิตประจำวันเริ่มลดลงหรือหมดไป
เกิดความรู้สึกสิ้นหวัง ท้อแท้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นฆ่าตัวตาย ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเครื่องชี้บ่งว่าอาการโศกเศร้าที่เกิดขึ้นนั้นได้รุนแรงจนถึงขั้นที่เรียกว่า
"โรคซึมเศร้า" แล้ว ทั้งอารมณ์ซึมเศร้าและโรคซึมเศร้าต่างก็เป็นภาวะที่พบได้บ่อย
ความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจและมีความสำคัญอย่างยิ่ง โรคซึมเศร้า เกิดจากหลายๆ
ปัจจัย นับตั้งแต่พื้นฐานนิสัย บุคลิกภาพ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งหมายถึงสภาพครอบครัวสังคม
หรือแม้แต่ปัจจัยทางชีวภาพ นอกจากนี้การเสียสมดุลของสารเคมีบางตัวในสมองก็สามารถทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้
การเสียสมดุลดังกล่าวเป็นผลกระทบซึ่งเกิดจากหลายๆ สาเหตุ เช่น การเจ็บป่วยด้วยโรคทางกาย
การติดเชื้อบางชนิด การดื่มสุรา การใช้สารเสพติด การขาดสารอาหาร
และการใช้ยาบางชนิด ซึ่งแม้แต่ยาที่แพทย์สั่งบางชนิดก็สามารถทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ ผู้ป่วยด้วยโรคซึมเศร้ามีความผิดปกติในหลายๆ
ด้านได้ เช่น ความผิดปกติของอารมณ์ ความรู้สึก
ความผิดปกติของพฤติกรรมและความสนใจ หรือความผิดปกติของอาการทางร่างกาย
ดังรายละเอียดต่อไปนี้ ร้องไห้คร่ำครวญโดยไม่มีสาเหตุหรือในทางตรงข้ามผู้ป่วยอาจมีอารมณ์เฉยชา
ปราศจากความรู้สึกตอบสนองไม่สามารถมีความสุขกับกิจกรรมใดๆ รู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง ตำหนิตนเอง
หรือรู้สึกผิดโดยไม่สมเหตุสมผล ขาดความสนใจทางเพศ ขาดความรู้สึกผูกพันกับญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูง
ความผิดปกติของพฤติกรรมและความสนใจ ขาดความสนใจ หรือความกระตือรือร้น แยกตัวออกจากผู้อื่นละเลยหน้าที่ความรับผิดชอบ
หงุดหงิด เครียดกับสิ่งที่เคยทำได้ดีในภาวะปกติไม่พึงพอใจต่อสภาพชีวิตทั่วไปที่เป็นอยู่ ความจำบกพร่องไม่มีสมาธิกับกิจกรรมใดๆ ความสามารถในการปรับตัว
และแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันลดลง
เราสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้ สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือ ช่วยให้เขาได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องจากจิตแพทย์
ทั้งยังอาจช่วยให้กำลังใจเขา ให้เขาร่วมมือกับแผนการรักษาจนกว่าอาการจะทุเลา ในครั้งแรก
เราอาจจะต้องเป็นผู้ช่วยนัดเหมายจิตแพทย์ให้ และไปตรวจพร้อมกับเขา แล้วช่วยติดตามว่า
ผู้ป่วยได้กินยาตามที่แพทย์สั่งมาหรือไม่
ลำดับถัดมาคือ การช่วยเหลือทางจิตใจ อันได้แก่การแสดงความเข้าใจ ความอดทน
ความเอาใจใส่ และให้กำลังใจ แก่ผู้ป่วยโดยการดึงผู้ป่วยเข้ามาร่วมวงสนทนา
และเป็นผู้ฟังที่ดี อย่ามองข้ามคำพูดที่ว่า อยากตาย หรืออยากฆ่าตัวตาย ควรรีบแจ้งให้จิตแพทย์ทราบ พยายามชวนผู้ป่วยไปเดินเล่น
เปลี่ยนสถานที่ ชมภาพยนตร์ หรือเข้ากิจกรรมต่างๆ
ควรแสดงความตั้งใจจริงที่เราอยากให้เขาไป หากตอนแรกเขาปฏิเสธ อาจต้องคะยั้นคะยอให้เขาทำกิจกรรมที่เขาชอบและเพลิดเพลิน
เช่น งานอดิเรก กีฬา ศาสนา หรือสมาคมต่างๆ
แต่ไม่ต้องรีบบังคับผู้ป่วยรับที่จะทำหรือเข้าร่วมกิจกรรมมากๆ และเร็วเกินควร
แม้ผู้ป่วยเหล่านี้จะต้องการสิ่งที่มาจรรโลงใจ แต่การคาดหวังกับเขามากเกินไปจะยิ่งทำให้เขารู้สึกล้มเหลว ที่สำคัญคนรอบข้างต้อง
อย่ากล่าวโทษผู้ที่กำลังป่วยด้วยโรคซึมเศร้าว่า แกล้งป่วย หรือเกลียดคร้าน
หรือคาดคั้นให้หายซึมเศร้าในพริบตา ในที่สุดแล้วผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจะดีขึ้นเรื่อยๆ
จนเป็นปกติ จงระลึกถึงความจริงข้อนี้และให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยเช่นกันว่า ด้วยการช่วยเหลือและการรักษา
เขาจะหายจากโรคนี้แน่นอน ที่มา www.thaihealth.or.th |