แปลกจริงทำไมหางานทำไมได้ซักที
ข้อมูลจาก :โพสต์ทูเดย

คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่า ที่ย่ำต๊อกหางานทำมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้งานเสียที !!

       แทนที่จะมามัวท้อแท้อยู่ ลองหาข้อผิดพลาดดูเถอะว่า ทำไมหนอคุณถึงไม่ได้งาน ทั้งๆที่โปรไพล์ส่วนตัวก็ไม่ได้ขี้เหร่เลยสักนิด ...

       - เช็คดูซิว่า เรซูเม่ของคุณเหมาะกับงานที่ไปสมัครหรือเปล่า หลายคนมีเรซูเม่แค่ชุดเดียวสำหรับใช้ตลอดปีตลอดชาติ จริงๆแล้วคุณควรปรับตัวเองเป็นนักเขียนเรซูเมมืออาชีพก่อน ด้วยการเขียนให้เหมาะกับงาน ที่จะสมัคร เรื่องนี้สำคัญพอๆกับการเตรียมตัวไปสัมภาษณ์

       - บางคนวางตัวเป็นธรรมชาติมากเกินไป จนธรรมชาติของคุณอาจจะกลับมาทำร้ายได้ ระวังให้ดีการตีซี้กับแผนกเอชอาร์มากเกินเส้นแบ่งของความพอดี โดยเฉพาะการแสดงความสนิทสนมที่ไม่รู้ว่า ก่อกันมาแต่ชาติปางไหน เช่น การเรียกตัวเองรวมทั้งเจ้าหน้าที่แผนกเอชอาร์ด้วยชื่อเล่นก่อนที่เค้าจะชักชวนให้เรียก ซึ่งแย่พอๆ กับไปสมัครงานบริษัทข้ามชาติ แล้วเรียกชื่อหน้าของฝรั่งเลยทีเดียว

       - หลายๆคนที่ไปสมัครงาน อาจจะไปอ่านเคล็ดลับจากที่นั้นที่นี่ว่า ให้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด เคราะห์ร้ายที่ลืมเรื่องการแต่งกายให้เหมาะสม เพราะต้องการเป็นตัวของตัวเอง  ที่อาจจะเซ็กซี่เกินเหตุ ซกมก ไม่สุภาพ ฯลฯ

      - ความไม่เป็นมืออาชีพก็น่าเป็นห่วงโดยเฉพาะในทุกวันนี้ที่เทคโนโลยีมีเอี่ยวกับชีวิตมากมายบางครั้งผู้สัมภาษณ์อาจต้องการอีเมล์ของคุณเพื่อส่งเอกสารสำคัญ หรืออาจจะให้แบบทดสอบเพื่อวัดความสามารถของคุณก่อนรับเข้าทำงานปรากฏว่าคุณมีแต่อีเมล์แอดเดรสประเภท

ilikes2party@hotmail.com โอ้โห...น่ารับเข้าทำงานมากเลย

       นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะ บางทีแค่ลืมกล่าวคำ ขอบคุณหรือ ขอโทษในเวลาที่เหมาะที่ควร ก็เป็นสาเหตุให้คุณไม่ได้งานเช่นกัน คำแนะนำคือ จงมีสติเข้าไว้แล้วดีเอง

5 เหตุผล ที่ควรหางานใหม่

       บ่นอยู่นั้นแหละว่าอยากเปลี่ยนงาน แต่ 10 ปีผ่านไปสาวเจ้าก็ยังทำงานอยู่ที่เดิมอย่างคงทนถาวร ถ้ายังบ่นอยู่ แต่หาเหตุผลให้ตนเองไม่ได้ เราหามาให้แล้ว

       1. เปลี่ยนงานแล้วจะเครียดน้อยลง
          มีผลสำรวจล่าสุดจากปี 2007 เชียวนะวา 60 เปอร์เซ็นต์ของคนทำงานเกิดความเครียด และสาเหตุหลักนั้นไม่ใช่ตัวเนื้องาน แต่มาจาก เพื่อนร่วมงานต่างหากละ ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้น ทำไมไม่ลองย้ายงานดูล่ะ

       2. เปลี่ยนงานเพื่อความก้าวหน้า
          ข้อมูลจากแผนกเอชอาร์บอกว่าคนในบริษัทที่จะโดดเด่นถึงขั้นเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นหาได้ไม่ง่าย ส่วนใหญ่ถ้าจะหาคนเจ๋งๆ ก็มักจะต้องหามาจากการสมัครงานเข้ามาใหม่ เช่นเดียวกับคนทำงาน 91 เปอร์เซ็นต์ทีเดียวที่เลือกเปลี่ยนงานเพื่อก้าวไปอีกขั้นโดยเฉพาะเรื่องตำแหน่งในงานที่อาจจะถึงขั้นสูงสุดแล้วในที่เก่า

       3. เปลี่ยนงานเพื่อได้เงินเพิ่ม
          นี่เป็นเรื่องเบสิกของพนักงานทั่วไปยามเปลี่ยนงาน ส่วนใหญ่ก็จะหวังเงินดือนเพิ่มทั้งนั้น โดยเฉพาะการเรียกเงินเพิ่มจากเงินเดือนที่จะได้รับขึ้นอยู่แล้วประจำในแต่ละปี ใครจะต่อรองได้เท่าไหร่นั้น ก็ต้องขึ้นกับเพดานเงินเดือน และความสามารถของผู้สมัครเป็นสำคัญ

       4. เปลี่ยนงานเพื่อผลประโยชน์ที่ดีขึ้น
          คนจำนวนมากทีเดียวที่มองหางานที่จะเพิ่มผลประโยชน์ที่นอกเหนือจากเงินเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สวัสดิการต่างๆ เงินปันผล เงินสะสมที่ดูดี และงอกเงยขึ้นกว่าเก่า

       5. เปลี่ยนงานเพื่อได้เวลาส่วนตัวเพิ่ม 
          ไม่เพียงเฉพาะงานที่รัดตัวเท่านั้น แต่จากผลสำรวจสาเหตุการเปลี่ยนงานของชาวอเมริกัน เมื่อปีที่ผ่านมา พบว่าหลายคนพยายามย้ายมาทำงานใกล้ๆกับที่พักอาศัยกันมากขึ้น โดยอาจจะไม่ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นมากมาย และงานที่ทำก็เป็นตำแหน่งเดิมๆเสียด้วย แต่พวกเขาให้เหตุผลว่า เพื่อเวลาส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นนะ

สิ่งที่ไม่ควร เอ่ย.ในที่ทำงาน

นี่ไม่ใช่งานผม

  1. ได้เลย..ไม่มีปัญหาครับ (ถ้าคุณไม่คิดอย่างนั้นจริงๆ)
  2. อย่าบอกใครนะว่าฉันเป็นคนเล่าให้ฟัง แต่ว่า ...
  3. ฉันไม่ได้ขึ้นเงินเดือนมา 4 ปีแล้ว
  4. นี่ไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อย
  5. ถ้าให้ผมพูดตรงๆนะ คุณนะ...
  6. คุณโหวตให้พรรคไหน ?
  7. ผมดื่มจนอ้วกเลยเมื่อคืน
  8. ขอโทษนะค่ะ ฉันไม่มีเวลาทุ่มเทให้งานนี้เลย
  9. แล้วไง?

          ทั้งหมดเป็นทัศนะคติในแง่ลบ ทำให้คุณไร้ความก้าวหน้า แถมขาดเพื่อนในที่ทำงานด้วย โปรดระวัง (คำพูด) ให้ดี

          งานเก๋ๆ อินเทรนแห่งยุค
          ไนน์-ทู-ไฟฟ์ ตกยุคมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ก็อย่ามองให้เป็นแง่ลบไป เพราะแต่ละคนล้วนจ้องเป็นมืออาชีพในสายงานของตนเองทั้งสิ้น แม้กระทั่งงานเก๋ๆ แห่งยุคเหล่านี้ ก็ใช่ว่า ใครๆจะเป็นกันได้ 

          แฟชั่นดีไซเนอร์- อยู่ดีๆ ไม่ใช่ใครคิดอยากจะเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ จะได้กระโจนเข้าสู่เวที นิวยอร์ก ปารีส มิลาน ลอนดอน เสียเมื่อไร แม้กระทั่งในชีวิตจริงของ ทอม ฟอร์ด ดอนนา คาราน หรือ คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ นั้นก็ใช่จะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสียเมื่อไร เรื่องพรสวรรค์และความสามารถเป็นสิ่งสำคัญสุดๆ

          ศัลยแพทย์  - ขึ้นชื่อว่า หมออาจได้รับการยอมรับในสังคมว่าเป็นคนเก่ง เป็นคนดีที่คอยช่วยชีวิตคน ทั้งยังร่ำรวยอีกต่างหาก แต่ในภาคของชีวิตจริง หมอผ่าตัดมีทั้งความเครียด ความเสี่ยงและงานหนัก ไม่ได้เดินเฉิดฉายในโรงพยาบาลหรือหันไปมีเพศสัมพันธ์กับคนนั้นคนนี้เช่นที่เห็นในซีรีส์ทางทีวีสักหน่อย

          นักบิน ไม่ใช่เพียงทำงานแบบไม่ฟิกซ์เวลาเท่านั้น แต่คุณยังมีโอกาสได้เดินทางรอบโลกอีกด้วย ทุกอย่างดูสวยหรูดูดีแต่กว่าคุณจะก้าวมาสู่อาชีพนี้ได้ ต้องมีประสบการณ์การบิน 250 ชั่วโมง(บิน) เสียก่อน นั่นก็ใม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

          ช่างภาพมีระดับด้วยอาชีพนี้ อาจช่วยให้คุณมีโอกาสได้คลุกคลีกับนางแบบดังๆเช่น เซเลบเด่น ได้เดินทางไปยังสถานที่แปลกๆ เก๋ๆแพงๆ โดยไม่ต้องใช้สตางค์ แต่ช่างภาพหลายคนก็อาจจะต้องฝันค้าง ก็กว่าจะไต่ข้าสูแวดวงช่างภาพดังมากฝีมือได้ ไม่ใช่อาศัยแค่ผลงานเท่านั้นหรอกนะ